บรรยากาศหลังพิธีบูชาขอบพระคุณ ในโอกาสฉลองวัดแม่พระฟาติมา อ.พล จ.ขอนแก่น อบอุ่น สนุกสนาน เป็นกันเอง มีรอยยิ้ม เสียงพูดคุยทักทาย เสียงหัวเราะ และเสียงปรบมือให้กำลังใจในการแสดงของนักเรียนโรงเรียนมหาไถ่ศึกษา เมืองพล ชุดแล้วชุดเล่า หลากหลายลีลางดงาม อ่อนช้อย ครบครันทั้งศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และเรื่องราวนำเสนอระดับอาเซียน เป็นการแสดงถึงศักยภาพของยุวชน-เยาวชน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ของโรงเรียนว่ามีคุณภาพยิ่งนัก พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ได้มอบของขวัญแด่ผู้บริหารและครูของโรงเรียน ซึ่งได้รับรางวัลต่าง ๆ จากงานมหกรรมการแข่งขันทักษะวิชาการสถานศึกษาเอกชน ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา2556 และรางวัล ครูเอกชนดีเด่น ประจำปี 2556 (OPEC TEACHER AWARD 2013) จากนั้นทั้งพระสงฆ์ นักบวช คุณครู นักเรียน ก็เริ่มเตรียมตัวเพื่อร่วมแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคีกันต่อไป – วันเสาร์ที่ 25 มกราคม ค.ศ.2014

พิธีบูชาขอบพระคุณโอกาสฉลองวัดแม่พระฟาติมา อ.พล จ.ขอนแก่น เวลา 10.30 น. วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2014 พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประธานพิธี ในโอกาสนี้ นักเรียนหญิง 1 คน ได้รับศีลกำลัง และนักเรียนชาย 2 คน รับศีลมหาสนิทครั้งแรก พระสงฆ์ นักบวช ซิสเตอร์ และพี่น้องสัตบุรุษจากที่ต่าง ๆ ได้ร่วมโมทนาคุณพระเจ้าในโอกาสนี้จำนวนมาก พร้อมทั้งเป็นโอกาสขอบคุณซิสเตอร์คณะนักบวชมิสชันนารีนักบุญดอมินิก จากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้ช่วยงานสังฆมณฑลอุดรธานี ที่เมืองพลแห่งนี้ ครบ 10 ปีอีกด้วย อำเภอพล มีคริสตชนเชื้อสายจีนและเวียดนาม อาศัยอยู่ตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ.1955 ต่อมาเมื่อคณะพระมหาไถ่ดูแลสังฆมณฑลอุดรธานี จึงได้สร้างบ้านพักพระสงฆ์และใช้เป็นวัดชั่วคราว จนถึงปีค.ศ.1963 จึงได้สร้างวัดหลังแรกในสมัยคุณพ่อแฮรี่ ทีล เป็นเจ้าอาวาส และได้สร้างโรงเรียนมหาไถ่ศึกษา เมืองพล ในปี ค.ศ.1965 และได้ใช้วัดแห่งแรกนี้เรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ.2000 พระสังฆราชยอร์ช ยอด พิมพิสาร ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานีในขณะนั้น ได้ทำพิธีเสกวัดแม่พระฟาติมา หลังปัจจุบัน แม้จะมีสัตบุรุษจำนวนเพียง 20 กว่าครอบครัว แต่ชุมชนแห่งความเชื่อนี้มีความกระตือรือร้นในกิจศรัทธาต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะความรักที่มีต่อแม่พระฟาติมา เป็นชุมชนที่มีความรัก ความสามัคคี และช่วยเหลืองานต่าง ๆ ของพระศาสนจักรในทุกด้านด้วยดีเสมอมา ปัจจุบัน คุณพ่อประวัติ ญวนเหนือ เป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระฟาติมา เมืองพล

เช้าวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2014 นักเรียนและครูโรงเรียนมหาไถ่ศึกษา เมืองพล สัตบุรุษวัดแม่พระฟาติมา เมืองพล และพี่น้องจากที่ต่าง ๆ ได้ร่วมกันต้อนรับพระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี ในโอกาสฉลองวัดแม่พระฟาติมา เมืองพล มีการแสดงที่น่าชมอย่างยิ่งจากเด็กนักเรียนมหาไถ่ศึกษา เมืองพล ซึ่งเปิดสอนระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษา ปีที่ 6 โรงเรีนแห่งนี้ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 ปัจจุบัน คุณพ่อประวัติ ญวนเหนือ เป็นเจ้าอาวาสและดูแลโรงเรียนด้วย ในโอกาสนี้พระคุณเจ้าได้เสกห้องสมุดที่ปรับปรุงขึ้นใหม่อย่างทันสมัยของโรงเรียน

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2014 คืนก่อนวันฉลองวัดแม่พระฟาติมา อ.พล จ.ขอนแก่น คุณพ่อบัวทอง บุญทอด พระสงฆ์ผู้เทศน์ตรีวาร คุณพ่อประวัติ ญวนเหนือ เจ้าอาวาส คุณพ่อสุรินทร์ อยู่สุข นักบวช ซิสเตอร์ สัตบุรุษและนักเรียนโรงเรียนมหาไถ่ศึกษา เมืองพล ได้จัดกิจกรรมแห่แม่พระฟาติมา รอบตัวเมืองอำเภอพล และถวายช่อดอกไม้แด่แม่พระ ด้วยความสง่างามและด้วยหัวใจศรัทธาที่มีต่อพระแม่ กิจกรรมนี้ได้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกสมัยคุณพ่อบัวทอง บุญทอด เป็นเจ้าอาวาส ในปี ค.ศ.2004 และได้ปฏิบัติต่อมาเป็นประจำทุกปี (ขอขอบคุณภาพสวย ๆ จากคุณครูโรงเรียนพระมหาไถ่ เมืองพล)

บรรยากาศ ค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2014 อบอุ่นด้วยรอยยิ้ม ดอกไม้ เสียงเพลง การแสดงต่าง ๆ ที่ลูก ๆ ได้บรรจงจัดเตรียมมอบแด่ พระสังฆราชยอร์ช ยอด พิมพิสาร, C.Ss.R. ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 81 ปี บิดาซึ่งเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา ด้วยสำนึกในความเสีย สละ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ อุทิศตนรับใช้พระเจ้า พระศาสนจักร และสังฆมณฑลอุดรธานี มาอย่างยาวนาน .. รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คำอวยพร และทุกสัมผัส ที่ท่านมอบแก่พวกเราในวันนี้ มีความหมายและให้กำลังใจสำหรับเราทุกคน ที่จะซื่อสัตย์ต่อการติดตามพระคริสตเจ้า กระตือรือร้นที่จะประกาศข่าวดีแห่งพระวาจาอันทรงชีวิต ด้วยการเป็นพยานในการดำเนินชีวิตตามพระวรสารอย่างมั่นคงตลอดไป

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2014

โดยพระสังฆราชยอร์ช ยอด พิมพิสาร, C.Ss.R.

พระสังฆราชกิตติคุณ สังฆมณฑลอุดรธานี

พิธี บูชาขอบพระคุณ โอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 81 ปี พระสังฆราชกิตติคุณ ยอร์ช ยอด พิมพิสาร, C.Ss.R. อดีตประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี (ค.ศ.1975-2009) วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม ค.ศ.2014 เวลา 17.00 น. ณ อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ อุดรธานี ขอคำภาวนาเป็นพิเศษสำหรับพระคุณเจ้า ขอพระเจ้าทรงประทานสุขภาพกายและใจที่ดีแด่พระคุณเจ้าตามพระประสงค์ของ พระองค์ตลอดไป

บ่อยครั้งที่เห็นความเรียบง่ายในงานฉลองวัดต่าง ๆ ของสังฆมณฑลอุดรธานี วัดนักบุญเคลเมนต์ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ในวันฉลองวัด เสาร์ที่ 18 มกราคม 2014 ซึ่งเป็นการฉลองวัดที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก วัดเล็ก ๆ พื้นที่แคบ ๆ ซึ่งมีสัตบุรุษ 10 กว่าครอบครัว ตกแต่ง วัดอย่างงดงามพร้อมจัดเตรียมข้าวต้มเป็นอาหารเช้าสำหรับผู้มาเยือน ซึ่งทยอยกันเดินทางมาถึงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมนำอาหารมาร่วมแบ่งปันสำหรับมื้อเที่ยง เดินทางมาไกลก็ถือถ้วยข้าวต้มนั่งรับประทาน ทักทายพูดคุยกัน บ้างก็เดินมานั่งด้านหน้าวัดซึ่งติดกับสวนสุขภาพโสกน้ำใส บรรยากาศเย็นชื่นใจอย่างยิ่ง 10.00 น. ทุกคนมายืนเรียงโบกธงต้อนรับสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนมหาไถ่ศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมหาไถ่ขอนแก่น แสดงต้อนรับอย่างอบอุ่นในยามเช้าที่อากาศค่อนข้างเย็น จากนั้น เวลา 10.30 น. พร้อมใจกันโมทนาคุณพระเจ้าในพิธีบูชาขอบพระคุณ ปัจจุบัน คุณพ่อประสิทธ์ ไกรโหล เป็นเจ้าอาวาสวัด โดยมีพิธีบูชาขอบพระคุณในทุกวันเสาร์ เวลา 18.00 น.

บ่อย ครั้งที่เห็นความเรียบง่ายในงานฉลองวัดต่าง ๆ ของสังฆมณฑลอุดรธานี วัดนักบุญเคลเมนต์ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ในวันฉลองวัด เสาร์ที่ 18 มกราคม 2014 ซึ่งเป็นการฉลองวัดที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก วัดเล็ก ๆ พื้นที่แคบ ๆ ซึ่งมีสัตบุรุษ 10 กว่าครอบครัว ตกแต่งวัด อย่างงดงามพร้อมจัดเตรียมข้าวต้มเป็นอาหารเช้าสำหรับผู้มาเยือน ซึ่งทยอยกันเดินทางมาถึงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมนำอาหารมาร่วมแบ่งปันสำหรับมื้อเที่ยง เดินทางมาไกลก็ถือถ้วยข้าวต้มนั่งรับประทาน ทักทายพูดคุยกัน บ้างก็เดินมานั่งด้านหน้าวัดซึ่งติดกับสวนสุขภาพโสกน้ำใส บรรยากาศเย็นชื่นใจอย่างยิ่ง 10.00 น. ทุกคนมายืนเรียงโบกธงต้อนรับสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนมหาไถ่ศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมหาไถ่ขอนแก่น แสดงต้อนรับอย่างอบอุ่นในยามเช้าที่อากาศค่อนข้างเย็น จากนั้น เวลา 10.30 น. พร้อมใจกันโมทนาคุณพระเจ้าในพิธีบูชาขอบพระคุณ ปัจจุบัน คุณพ่อประสิทธ์ ไกรโหล เป็นเจ้าอาวาสวัด โดยมีพิธีบูชาขอบพระคุณในทุกวันเสาร์ เวลา 18.00 น.

แม้ วัดนักบุญเคลเมนต์ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จะมีสัตบุรุษเพียง 10 กว่าครอบครัว แต่ในวันฉลองวัด เสาร์ที่ 18 มกราคม 2014 พี่น้องสัตบุรุษจากวัดต่าง ๆ ได้มาให้กำลังใจจนแน่นขนัดเต็มพื้นที่ ภายหลังพิธีบูชาขอบพระคุณ อาหารต่าง ๆ ที่ช่วยกันจัดเตรียมได้นำมา แบ่งปันกันอย่างอิ่มหนำ ล้อมวงชมการแสดงโดยหนูน้อยนักเรียนจากโรงเรียนมหาไถ่ศึกษาขอนแก่น ซึ่งแสดงออกถึงความสามารถอย่างน่าประทับใจ พระสงฆ์ คุณครู สัตบุรุษ นักเรียน ไม่รีรอที่จะคว้าไมค์โครโฟน ร้องเพลงขับกล่อมให้ความบันเทิง เพลงแล้วเพลงเล่า คนแล้วคนเล่า เสียงปรบมือให้กำลังใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย ดังมาจากมุมโน้น มุมนี้ ไม่หยุดหย่อน ไม่จางหาย จนบ่ายคล้อย จึงแยกย้ายกันกลับด้วยคำร่ำลาว่าจะมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง .. ใบหน้าและแววตา ทั้งเจ้าบ้านลูกวัดนักบุญเคลเมนต์ และพี่น้องจากวัดต่าง ๆ บ่งบอกได้ชัดเจนถึงความอบอุ่นในครอบครัวแห่งความเชื่อที่มีให้ต่อกันและกัน เสมอ

เราได้ผ่านเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดี จากวันพระคริสตสมภพ วันฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ส่งท้ายปีเก่าด้วยการสวดทำวัตรและพิธีอวยพรศีลมหาสนิท ต้อนรับปีใหม่ด้วยการสมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า จนถึงวันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ เราได้สัมผัสกับความยินดีและความสุขที่พระองค์ทรงนำมามอบเป็นของขวัญให้กับเราแต่ละคน เมื่อเราเปิดหัวใจและเตรียมจิตใจพร้อมให้พระองค์เข้ามาและบังเกิดในหัวใจของเรา เป็นที่หนึ่งและศูนย์กลางชีวิตของเรา อันเป็นความหมายของวันคริสต์มาสจริง ๆ พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาในโลกนี้เพื่อความรอดพ้นของเรา พระองค์ได้ทรงรักษาความมืดบอดฝ่ายจิตและประทานความเชื่อซึ่งเป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่แก่เรา ซึ่งทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนและแตกต่างไปจากเดิม เมื่อพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในหัวใจของเราแล้ว ทุกวันที่เหลืออยู่ในชีวิตจึงเป็นวันคริสต์มาสสำหรับเรา เป็นวันที่เรามีความยินดีและสันติสุขในจิตใจตลอดไป

พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช ซิสเตอร์ สามเณรใหญ่ ฆราวาสแพร่ธรรม สังฆมณฑลอุดรธานี ชุมนุมกันเพื่อขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความรักและพระพรต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงโปรยปรายมายังสังฆมณฑลฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม 2013 เป็นช่วงเวลาน่ายินดีที่ได้มาพบปะกันและแบ่งปันความสุขแก่กันและกัน ในโอกาสวันคริสต์มาสและปีใหม่ ปัจจุบัน นอกจากพระสังฆราชและพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลแล้ว ยังมีคณะนักบวชชาย 6 คณะ และคณะนักบวชหญิง 13 คณะ ร่วมมือด้วยความเสียสละ ทุ่มเทให้กับงานรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ในดินแดน 6 จังหวัดของสังฆมณฑลคือ อุดรธานี ขอนแก่น เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ

พิธีบูชาขอบพระคุณในค่ำคืนวันที่ 24 ธันวาคม 2013 ท่ามกลางแสงระยิบระยับจากดวงไฟที่ประดับประดาวัด ต้นคริสต์มาส และถ้ำพระกุมาร แสงสว่างเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อที่นำทางเรา.. พระบิดาเจ้าทรงประทานพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ให้เป็นของขวัญชิ้นแรกแก่เรา เป็นของขวัญที่ล้ำค่าซึ่งเราต้องเปิดดวงใจต้อนรับพระองค์ด้วยความรักและความกตัญญู วันคริสต์มาสมีความหมายอย่างแท้จริงก็เมื่อเรามีความเชื่อในพระคริสตเจ้า ซึ่งจะช่วยเปิดตาให้มองเห็นพระองค์ เปิดสติปัญญา ให้เข้าใจความหมายของการเสด็จมาของพระองค์ และเปิดใจให้พระองค์เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต เพื่อเราจะได้สัมผัสความรัก ความยินดี และสันติสุขที่แท้จริงซึ่งมีแต่พระองค์เท่านั้นที่สามารถให้เราได้

การแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ในค่ำคืนวันที่ 24 ธันวาคม 2013 ณ อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ เป็นประเพณีที่ดำเนินมาตั้งแต่สมัยนักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี ในประเทศอิตาลี ชาวบ้านในชนบทห่างไกลไม่เข้าใจความหมายวันคริสต์มาสเท่าใดนัก นักบุญฟรังซิส เกิดแรงบันดาลใจว่า น่าจะจัดให้มีการแสดงจำลองถึงเรื่องการบังเกิดของพระเยซูเจ้าที่สามารถเข้าใจได้ง่าย เพื่อชาวบ้านจะสามารถเห็นภาพที่ชัดเจนในความคิดโดยทันที ในวันคริสต์มาส ปี ค.ศ. 1223 นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ได้ชวนชาวบ้านในหมู่บ้านเกรกโชที่ท่านอาศัยอยู่ในตอนนั้น ร่วมกันแสดงละคร มีการเตรียมถ้ำพระกุมารและใช้สัตว์จริง ชาวบ้านหลายคนได้แสดงตามบทบาทต่าง ๆ ที่บอกเล่าในพระวรสาร มีการจุดเทียนและชาวบ้านที่เหลือมายืนรอบ ๆ ถ้ำที่ทำขึ้น ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าจนถึงสว่าง สุดท้ายก็ร่วมพิธีมิสซาด้วยกัน นี่คือจุดเริ่มและได้แพร่หลายไปทั่วโลก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

1 ทุ่มคืนวันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2013 ขบวนแห่ดาวจากบริเวณบ้านสำลีเงิน ตามเส้นทาง ถ.นิตโย สู่อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ อุดรธานี ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นไปด้วยความงดงาม กระหึ่มด้วยเสียงบรรเลงจากวงโยธวาทิตโรงเรียนเซนต์เมรี่ พร้อมด้วยซาตาคลอสที่คอยแจกขนมตลอดเส้นทาง การแห่ดาวเป็นสัญลักษณ์ถึงดวงดาวที่ปรากฏเหนือนครเบธเลเฮม ในคืนที่องค์พระกุมารเยซูประสูติ ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้แจ้งแก่คนเลี้ยงแกะว่า “พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว พระองค์คือพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า” (ลก 2:11) ดวงดาวที่ส่องแสงสว่างเจิดเจ้า จึงเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อที่นำทางเรา และส่องสว่างจิตใจของเราให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของวันคริสตสมภพ

หรือช่วง 4 สัปดาห์ก่อนฉลองวันพระคริสตสมภพ (25 ธันวาคม)  หลายแห่งนิยมนำพวงหรีดสีเขียว พร้อมเทียน 4 ต้น มาประดับในบ้าน ในโรงเรียน หรือในวัด  ซึ่งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 16 ด้วยความคิดที่จะนำไฟมาใช้เป็นสัญลักษณ์หลายคนชอบความคิดนี้และถือปฏิบัติต่อมาจนปัจจุบัน

หรีดเตรียมฉลองพระคริสตสมภพทำจากต้นสน (Fir laurel) ไม้ที่เขียวตลอดปี  โดยทำเป็นขนาดต่างๆเอามาแขวนเพดาน ตามเสา ตามหน้าต่าง วางโต๊ะ หรือแท่นพระที่สมาชิกในครอบครัวใช้ภาวนาด้วยกัน นอกจากหรีดของต้นสนแล้ว ยังมีเทียน 4 ต้น ตั้งห่างเท่าๆกัน เทียนทั้ง 4 เป็นสัญลักษณ์หมายถึง 4 สัปดาห์ก่อนฉลองวันพระคริสตสมภพ

ตอนเย็น ครอบครัวจะอธิษฐานพร้อมกันสั้นๆ   แต่ละสัปดาห์จะจุดเทียนเพิ่มขึ้นทีละต้น จนครบ 4 ต้น คือ 4 สัปดาห์ที่เตรียมจิตใจรับเสด็จพระคริสตเจ้า การจุดเทียนให้ความหมายถึงแสงที่ส่องสว่างขับไล่ความมืดออกไป เทียนที่ใช้จะเป็นสีม่วง ยกเว้นต้นที่ สาม ใช้สีกุหลาบหรือสีบานเย็น เพื่อกระตุ้นให้เราชื่นชมยินดีเพราะใกล้จะถึงวันพระคริสตสมภพแล้ว

หรีดและเทียนไม่มีความสัมพันธ์กับพิธีกรรมในพระศาสนจักร ไม่ใช่สิ่งคล้ายศีล (Sacramental) อย่างไรก็ดี นี่เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หมายถึงวันเวลาที่พระคริสตเจ้าเสด็จมาบังเกิด “เพื่อส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในความมืด” (เทียบ อสย.9:1,42:7)  “พระคริสตเจ้าทรงเป็นแสงสว่างส่องในความมืด”(เทียบ ยน 1:5)