01B

129/18 หมู่ 1 ถนนนิตโย  ตำบลหมากแข้ง  อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี  41000

(ตู้  ป.ณ.  4  ปท.  โพศรี อ.เมือง  จ.อุดรธานี  41002 )  โทร.  042-222206


เมื่อ วันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ.1953 สี่จังหวัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือแห่งสังฆมณฑลท่าแร่ คือ อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย และเลย ได้ถูกแยกออกจากการปกครองของสังฆมณฑลนี้ และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสังฆมณฑลใหม่เรียกว่า “ สังฆมณฑลอุดรธานี ” ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของคณะพระมหาไถ่ แห่งเมืองเซนต์หลุยส์ มลรัฐมิสซูรี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา สังฆมณฑลที่ตั้งขึ้นใหม่นี้มีเนื้อที่ 46,547 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร ( ในปี 1971 ) ประมาณ 2,879,885 คน

 

ใน วันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1953 คุณพ่อคลาเรนซ์ ดูฮาร์ต สงฆ์คณะพระมหาไถ่ ได้รับแต่งตั้งเป็นประมุขปกครองสังฆมณฑลใหม่ พระสงฆ์ที่ทำงานในสังฆมณฑลนี้เป็นพระสงฆ์คณะพระมหาไถ่ คาทอลิกในช่วงแรกของสังฆมณฑลมีทั้งชาวไทยและชาวเวียดนามอพยพเกือบ 3,000 คน คาทอลิกในเขตอุดรธานีเป็นชาวเวียดนามอพยพเป็นส่วนใหญ่ กลุ่มคาทอลิกชาวไทยก็มีแต่ที่บ้านโพนสูงเท่านั้น

 

เนื่องจากอุดรธานีเป็นชื่อของสังฆมณฑล และเป็นเมืองใหญ่ และสำคัญในอาณาเขตการแพร่ธรรมใหม่ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะจัดหาซื้อที่ดิน เพื่อกิจการของวัดและทางสังฆมณฑล พระคุณเจ้าดูฮาร์ต ด้วยความช่วยเหลือของ คุณพ่อคาร   โสรินทร์ ได้จัดหาซื้อที่ดินสามแห่ง ซึ่งอยู่คนละทิศทางของตัวเมืองอุดรธานี แห่งแรกสำหรับสร้างวัดและบ้านพักของประมุขมิสซัง ซึ่งขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ปี ค.ศ.1954 พระคุณเจ้าดูฮาร์ต ได้สร้างวัดน้อยขึ้นที่บ้านจิก เพื่อเป็นศูนย์กลางของสังฆมณฑลในเขตเมืองอุดรธานี วัดน้อยนี้ได้รับการเสกเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ.1954 โดยให้ชื่อวัดนี่ว่า “ วัดแม่พระนิจจานุเคราะห์ ” จึงเรียกได้ว่าเป็นอาสนวิหารหลังแรกของเขตเมืองอุดรธานี วันอาทิตย์แรกที่เปิดใหม่ นับสัตบุรุษได้ 13 คน และทั้งหมดเป็นชาวเวียดนามอพยพ

 

ที่ดิน อีกแปลงอยู่ไกลไปประมาณสี่กิโลเมตรทางไปจังหวัดหนองคาย วัดเตรียมไว้สำหรับการสร้างโรงเรียน ซึ่งในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1957 โรงเรียนดอนบอสโกวิทยา ก็ได้ทำการเปิดสอนนักเรียน โรงเรียนแห่งนี้เปิดเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กนักเรียนชายโดยเฉพาะ อยู่ใต้การดูแลของคณะนักบวชซาเลเซียน

 

ที่ดินแปลงที่สาม ซึ่งอยู่ไกลออกไปประมาณสี่กิโลเมตรเช่นกัน บนเส้นทางไปจังหวัดสกลนคร ได้จัด เตรียมไว้สำหรับสร้างโรงเรียนเหมือนกัน แห่งสุดท้ายนี้มีเนื้อที่กว้างขวางมากคือ 57 ไร่ ในสมัยนั้นอยู่ไกลจากตัวเมืองมาก ซึ่งในอนาคตต่อมาคือในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1961 คณะนักบวชซาเลเซียนหญิง หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ซิสเตอร์คณะธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์ ได้เข้ามาดำเนินงานเปิดโรงเรียนสตรีขึ้น คือ โรงเรียนเซนต์แมรี่ อุดรธานี

 

ในปีต่อมาก็เริ่มงานเกี่ยวกับเด็กกำพร้าที่โรงเรียนแห่งนี้ด้วย ได้มีโครงการส่งเสริมและฝึกคอาชีพให้ แก่เด็กยากจนจากในเมืองและชนบท โรงเรียนเซนต์แมรี่แห่งนี้ก็เหมือนกับโรงเรียนดอนบอสโกวิทยาได้เป็น กำลังสำคัญและได้ช่วยให้เขตวัดอุดรธานีก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาและได้ ทำให้ชื่อเสียงของพวกเราชาวคาทอลิกเป็นที่รู้จักในเมืองอุดรธานี และเมืองใกล้เคียงจนถึงทุกวันนี้ และ อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า “ โบสถ์เซนต์แมรี่ ”

 

เรื่องการสอนคำสอน การโปรดศีลล้างบาปในเขตวัดอุดรธานี ได้มีบันทึกไว้ตั้งแต่ปลายปี ค.ศ.1948 โดยคุณพ่อคาร โสรินทร์ ซึ่งดูแลคริสตังสมัยก่อนยังไม่แยกสังฆมณฑล พระคุณเจ้าดูฮาร์ต ก็ทำหน้าที่เจ้าอาวาสต่อมาตั้งแต่กลางปี 1954 เป็นต้นมา จำนวนคาทอลิกในเขตเมืองอุดรธานีทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

 

ในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1966 ได้มีการอภิเษกเป็นพระสังฆราชของพระคุณเจ้าดูฮาร์ตเป็นพระสังฆราชองค์แรกของ สังฆมณฑลอุดรธานี และท่านก็ยังรักษาหน้าที่เจ้าอาวาสต่อไป และมีคุณพ่อวิลเลี่ยม ไรท์ มาเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสด้วย ขณะเดียวกันก็มีการก่อสร้างอาสนวิหารหลังใหม่ สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1968 คุณพ่อไรท์ ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดเขตอำเภอท่าบ่อ-ศรีเชียงใหม่ คุณพ่อโรเบิร์ต มาร์ตินย้ายมาเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระคุณเจ้าดูฮาร์ต และในปีต่อมาก็เป็นเจ้าอาวาสเป็นต้นมา และพักประจำอยู่ที่อาสนวิหารหลังใหม่ ส่วนพระคุณเจ้าดูฮาร์ต ยังคงอยู่ที่บ้านจิก และ รับผิดชอบดูแลคริสตังรอบนอกอำเภอเมือง คือที่ กุมภวาปี และหนองบัวลำภู คุณพ่อมาร์ตินเป็นเจ้าวัดนานถึง 6 ปี คุณพ่อเลารี่ มาแทน แต่อยู่ไม่นานคุณพ่อก็กลับอเมริกา

 

ในช่วงที่ขาดคุณพ่อเจ้าวัด มีคุณพ่อหลายองค์ผลัดเปลี่ยนกันมารักษาการในตำแหน่ง

เจ้าอาวาสอาสนวิหาร เช่น

1. คุณพ่อวัลลภ     จำหน่ายผล                                      

2. คุณพ่อวิเชียร   ลิขิตธรรม

3. คุณพ่อธนู       กระทอง                                            

4. คุณพ่อจอห์น   ทาบอร์

 

พระสังฆราชยอด พิมพิสาร ได้รับการอภิเษกเป็นประมุขของสังฆมณฑลอุดรธานี เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ.1975 ณ อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ อุดรธานี และได้สืบตำแหน่งจากพระสังฆราชดูฮาร์ต เป็นต้นมา และได้สร้างสำนักพระสังฆราชแห่งใหม่เช่นเดียวกัน ส่วนบริเวณวัดบ้านจิกบ้านพักพระสังฆราชเดิมนั้นได้ปรับปรุงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางที่พักของซิ สเตอร์คณะรักไม้กลางเขนแห่งท่าแร่ และซิสเตอร์ได้ดูแลโครงการบ้านพักคนชรา ซึ่งในปี ค.ศ.1976 สมาคมนักบุญวินเซนต์เดอปอล คณะมนตรีสังฆมณฑลอุดรธานี ได้ริเริ่มโครงการนี้เพื่อคนชราที่ขาดที่พึ่ง ไม่มีที่อยู่อาศัยนำเขาเหล่านั้นมาอยู่ให้มีชีวิตรอด สถานที่พักสร้างขึ้นโดยใช้เศษไม้จากห้องแถวเก่าหลังอาสนวิหารใหม่และต่อเติม เล็กน้อย ขณะเดียวกันก็มีสถานเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน เพื่อเป็นรายได้ช่วยเหลือในโครงการบ้านพักคนชรา คณะวินเซนต์เดอปอล ยังช่วยเหลือทางวัดเกี่ยวกับงานด้านสังคมสงเคราะห์

 

ในปี ค.ศ.1978 คุณพ่อชาร์ล โกแตนท์ รับหน้าที่เจ้าอาวาสต่อมา และดูแลสัตบุรุษเป็นปกติ จนหมดวาระของคุณพ่อ โดยมีคุณพ่อบุญรอด เวียงพระปรก เป็นปลัดผู้ช่วยในกลางปี 1981 คุณพ่อเลโอ แทรวิส พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะแขวงของคณะพระมหาไถ่ ได้ย้ายมารับตำเจ้าอาวาสอาสนวิหาร โดยมีคุณพ่อสมพงษ์ เตียวตระกูล เป็นปลัดผู้ช่วยคุณพ่อเลโอ แทรวิส เป็นเจ้าอาวาสเป็นเวลานานถึง 6 ปี ในสมัยของคุณพ่อก็ได้ทำการซ่อมแซมและบูรณะหลังคาอาสนวิหารและกิจการอื่นๆทาง ด้านอภิบาลสัตบุรุษ คุณพ่อมนู เพียรโคตร และ คุณพ่อปรีดา โอนากุล เป็นปลัดช่วยวัดใหญ่ในสมัยคุณพ่อเลโอ แทรวิสเป็นเจ้าอาวาส และ คุณพ่อพ้นหน้าที่ไป คุณพ่อประสิทธ์ ตรงสหพงศ์ เข้ามารับหน้าที่แทนเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นก็มีการโยกย้ายซึ่งคุณพ่อที่ได้มาอยู่ช่วงนี้คือ คุณพ่อศิริชัย   เล้ากอบกุล เข้ามารับหน้าที่เป็นเวลา 3 ปี คุณพ่อเลโอ แทรวิส ก็ได้ย้ายกลับเข้ามาเป็นเจ้าอาวาสอีกนับเป็นวาระที่ 3 ที่คุณพ่อได้มาช่วยงานในเขตวัดอุดรธานีของเรา และเนื่องจากทางคณะต้องการให้กลับไปช่วยงานของคณะที่กรุงเทพฯ เมื่อมีการโยกย้ายท่านจึงได้จากอุดรฯไปด้วยความอาลัย

 

ค.ศ.1998 มีพระสงฆ์ 2 องค์มาทำงานแทนท่าน คือ คุณพ่อมีชัย อุดมเดช คณะพระมหาไถ่ เป็นเจ้าอาวาส และ คุณพ่อปรีดา โอนากุล เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส

 

ด้าน หลังของอาสนวิหาร มีอารามกาปูชิน เป็นอารามชีลับแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979 มีภคินี 10 คน จากอารามชีลับบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และ จำเป็นต้องสร้างขึ้นอีก เพราะจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น จึงได้สร้างขึ้นอีกเมื่อปี ค.ศ. 1982 ในวันธรรมดาสัตบุรุษร่วมมิสซากับชีลับที่วัดของอารามแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญแห่งหนึ่งของวัดอุดรธานี ทั้งด้านการภาวนาและความช่วยเหลือทั่วไป และอยู่ใกล้กันนั้นก็มีบ้านพักซิสเตอร์คณะธิดาเมตตาธรรม สมาชิกของคณะทำงานด้านศูนย์พัฒนาเด็ก ซี.ซี.เอฟ.

 

ที่ อาคารศูนย์คาทอลิกสังฆมณฑลอุดรธานี มีศูนย์พัฒนาเด็ก ซี.ซี.เอฟ. ซึ่งเป็นโครงการในด้านการสงเคราะห์และพัฒนาเด็กยากจน หน่วยงานนี้แบ่งเบาภาระของพ่อแม่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด ซึ่งอาศัยในเขตอาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ อุดรธานี

 

ทางด้านกิจการคาทอลิกวัดแม่พระนิจจานุเคราะห์ ก็ได้จัดให้มีสภาอภิบาล องค์กรซึ่งมีมาเป็นเวลาช้านานและได้ทำงานด้านฝ่ายวิญญาณช่วยเหลือพระสงฆ์ ตลอดมา คือ คณะพลมารี ทางด้านเยาชนก็เช่นเดียวกัน มีการจับกลุ่มและทำประโยชน์ให้ทางวัดและสังคมมาโดยตลอด สมาชิกมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่โอกาส เพราะเยาวชนเป็นวัยผ่านสู่วัยผู้ใหญ่ จึงไม่มั่นคงและถาวรเท่าที่คาดไว้ เพราะบางคนเข้าสู่ชีวิตครอบครัว บางคนก็อพยพไปอยู่กรุงเทพฯ เพื่อหางานทำและเหตุผลอื่นๆ